‘เบอร์บารตอฟ’ ถูกสโมสร ‘ซีเอสเคเอ โซเฟีย’ ทีมยักษ์ใหญ่ในบัลแกเรียดึงตัวมาร่วมทีมตั้งแต่ 17 ปี และได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่เป็นเกมแรกของเขาเองฤดูกาล 1998/99 กับวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น เขาสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาเองด้วยลงสนาม 27 นัด ทำประตูไปได้ 14 ประตู ช่วยให้ทีม ‘ซีเอสเคเอ โซเฟีย’ คว้าแชมป์ในลีกของตัวเองมาครองได้สำเร็จ
ต่อมาปี 2000/2001 เขาสร้างสถิติจากการลงเล่น 11 เกมแต่สามารถทำได้ถึง 9 ประตู มันทำให้สโมสรในลีกชั้นนำแห่งเยอรมันอย่าง ‘เลเวอร์คูลเซ่น’ ยอมคว้าตัวกองหน้าชาวบัลแกเรีย มาร่วมทีมในปี 2001
หลังจากที่ ‘เบอร์บาตอฟ’ ย้ายข้ามฟากมาอยู่ในประเทศเยอรมันกับ ‘เลเวอร์คูเซ่น’ ผลงานของเขาช่วงแรกเริ่มไม่ค่อยสวยกับทีมนัก ลงสนามไป 67 นัด ทำได้เพียง 16 ประตูเท่านั้น กว่าเขาจะสามารถยึดตำแหน่ง ตัวจริงของทีมได้ก็ใช้เวลาพอสมควร จนกระทั้งปี 2003/04 เขาลงสนามเป็นตัวจริงเพียง 24 นัดให้กับทีมแต่สามารถพังประตูไปได้ถึง 16 ประตู และปีต่อๆมาฟอร์มของเขาพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ สามารถทำประตูใน ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ได้ถึง 5 ประตูรวมทั้งหมดในลีกของเขาเอง 46 ประตู กับฤดูกาล 2004/05
ดังนั้นมันกลายเป็นจุดเปลี่ยนของตัวเขาเอง ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวทียุโรปเริ่มจับตามอง กองหน้าชาวบัลแกเรียรายนี้ และ 1 กรฏาคม 2006 ‘ทอตแน่ม ฮอทสเปอร์’ กลายเป็นสโมสรที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีม ด้วยการใช้เงินถึง 16 ล้านยูโร ประตูแรกของเขาทำได้ในเกมที่พวกเขาเปิด สนามไวต์ฮาร์เลนพบกับ ‘ดาบคู่’ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ด้วยการผสานงานกับ ‘ร็อบบี้ คีน’ นั้นเอง และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยให้ ‘ไก่เดือยทอง’ เข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าคัพ กับทีม ‘เซบีย่า’ ของสเปน แต่นัดนั้นพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปทำให้ ‘เซบีย่า’ คว้าแชมป์ไปครอง
‘เบอร์บาตอฟ’ ลงเล่นให้กับ ‘ไก่เดือยทอง’ ในฤดูกาลแรกไปทั้งหมด 33 นัดยิงไป 12 ประตูกับอีก 11 แอสซิตส์ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทีมในฤดูกาลนั้น ผลงานทีมชาติเขาถูกเรียกติดทีมชาติครั้งแรกในปี 1999 และก็ช่วยเป็นกำลังสำคัญของทีมบัลแกเรียทำให้ ‘เบอร์บาตอฟ’ กลายเป็นกัปตันทีมและผู้เล่นยอดเยี่ยมของทีมบัลแกเรีย 3 สมัยในปี 2002/2004/2005
และฤดูกาล 2007/08 ‘เบอร์บาตอฟ’ มีข่าวการย้ายทีมอย่างหนักทำให้กุนซือของ ‘ไก่เดือยทอง’ อย่าง ‘ฆวนเด ราโมส’ ที่คุมทัพช่วงนั้นออกมาสยบข่าวลืออยู่บ่อยครั้งเพราะเขาไม่ต้องการขายดาวยิงคนสำคัญของทีมออกไปแต่อย่างใดซึ่ง ‘เบอร์บาตอฟ’ ถูก ‘เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ กุนซือของทีม ‘ปีศาจแดง’ หมายตาดาวยิงรายนี้อย่างมากเพราะชอบฝีไม้รายมือทักษะการทำประตูของเขา และก็มีสโมสรคู่แข่งร่วมลีกอย่าง ‘เชลซี’ พร้อมที่จะทุ่มเงินก้อนโตเพื่อคว้าตัวดาวยิงรายนี้เช่นกัน แต่สโมสรที่ ‘เบอร์บาตอฟ’ ต้องการย้ายไปร่วมทีมนั้นคือ ‘แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด’ ทีมเดียวเท่านั้น ทำให้ ‘แมนยูไนเต็ด’ ยอมควักเงินถึงถึง 30.75 ล้านปอนด์กระชากดาวยิงบัลแกเรียรายนี้มาร่วมทีม
สำหรับ ‘เบอร์บาตอฟ’กับ’ยูไนเต็ด’ ในฤดูกาลแรกเขาต้องสู้กับกองหน้าของทีมอย่าง ‘เตเบซ’ อย่างหนัก และฤดูกาลถัดมา ‘เตเบซ’ ได้ย้ายข้ามฟากไปยังเมืองแมนเซสเตอร์ซิตี้ ของทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ ทำให้ ‘เบอร์บาตอฟ’ ยึดตำแหน่งกองหน้าของทีม ‘ปีศาจแดง’ ได้นั่นเอง เขาไม่สามารถระเบิดฟอร์มเทพที่เคยทำกับ ‘สเปอร์ส’ ออกมาได้และทำให้เขาถูกแฟนบอลวิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับเรื่องค่าตัวสุดแพงของเขา
และเขาก็สามารถอุดคำวิจารณ์พวกนั้นได้สำเร็จในปี 2010/2011 จากการทำแฮตทริก ‘ศึกแดงเดือด’ กับ ‘ลิเวอร์พูล’ ด้วยความพยายามความขยันของเขา ทำให้กองหน้าเบอร์ 9 รายนี้กลับมาเป็นขวัญแฟนบอลได้สำเร็จ เขาเองก็เคยยิงประตูได้ถึง 5 ประตูกับเกมที่เปิดบ้านเอาถล่ม ‘แบล็กเบิร์นโรเวอส์’ ไปถึง 7-1 สามาถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวฤดูกาลนั้นไปครองอีกด้วย
แต่ฟอร์มของเขาไม่ค่อยคงที่อย่างเท่าที่ควร ทำให้ ‘เฟอร์กี้’ ได้ทำการชื้อตัวช่วยอย่าง ‘ชิชาริโต้’ กองหน้าดาวรุ่งแม็กซิกันมาร่วมทีม และเหตุการณ์นี้เองทำให้ ‘เบอร์บาตอฟ’ ตัดสินใจย้ายทีมเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่องของตัวเขาเอง ด้วยการย้ายซบทีม ‘ฟูแล่ม’ ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2012/13
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.spursfanclub.com/